คลังความรู้
วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2554
วันพุธที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2554
10 วิธีหยุดนิสัยชอบแก้ตัว
คนเรามีสัญชาตญาณการเอาตัวรอดและผลักไสความผิดของตัวเองไปให้ไกลติดตัวมาตั้งแต่เกิด เมื่อไหร่ก็
ตามที่แต่ละคนค้นเจ้าสัญชาตญาณนี้จนเจอ คุณก็มักจะติด (addict) และใช้มันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน จนเรียกได้
ว่าเป็นนิสัย ต่อมาพอหนักข้อขึ้น ก็เกิดเป็นปัญหาค้างคาใจว่าทำไมถึงเลิกไม่ได้เสียที
คุณเป็นคนประเภทอ้างโน่นอ้างนี่เพื่อแก้ตัวหรือเปล่า...
ถ้าไม่ใช่จริงๆ ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าใช่แล้วยังแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ด้วยการชักแม่น้ำทั้งห้ามาช่วยเพื่อปัดปัญหาทั้งหมด
ให้คนอื่นรับรับช่วงไป เพื่อนร่วมงานคนไหนจะอยากทนอยู่กับคุณ
นี่คือ 10 ขั้นตอนไม้ตายที่จะทำให้นักปัดความรับผิดชอบกลายเป็นสุภาพบุรุษคนใหม่ ที่กล้าจะยกธงขาว
ค้างไว้ แล้วพูดว่า “โอเค ผมพลาดเอง”
1. สังเกตพฤติกรรมตัวเอง : ลองสังเกตดูว่า คุณปัดความผิดของคุณเองและโยนให้คนอื่นบ่อยแค่ไหน ยิ่ง
ถ้าคุณอยู่ในฐานะหัวหน้าหรือหัวเรือใหญ่คงไม่มีใครอยากทำงานกับเจ้านายที่ชอบโยนความผิดให้กับลูกน้อง
หรือเพื่อนร่วมงานแน่ๆ
2. กล้ารับความจริง : เหมือนกับการแก้ไขนิสัยอันไม่พึงประสงค์ทั่วไป ไม้ตายที่สองที่ควรงัดมาใช้ ก็คือ
การเปิดใจยอมรับความจริงว่าคุณเป็น ‘ผู้ใหญ่มีปัญหา’ อย่ามัวแต่วางเฉย ผัดวันประกันพรุ่ง หรือเอาแต่
ปล่อยให้เวลาคลี่คลายปัญหาทุกอย่างเอง
3. ยอมรับคำวิจารณ์เก่าๆ : นอกจากยอมรับความจริงแล้ว ใช่ครับ คุณต้องยอมรับคำวิพากษ์วิจารณ์ที่
ผ่านมาด้วย อย่างไรเสียก็อย่าปล่อยให้มันเข้ามาทำลาย Self-esteem หรือทำให้คุณสูญเสียความมั่นใจมาก
เกินไปจนกลายเป็นคนที่มีจิตใจไม่มั่นคง ถูกครอบงำได้ง่าย และสุดท้ายก็ไม่เป็นตัวของตัวเอง
4. ทลายกำแพงให้ได้ : ถ้าในยิมที่เราเล่นอยู่เดิมมีคนเล่นเยอะ แพง แถมที่จอดรถยังสุดแสนจะห่วย จงหา
ที่ใหม่และหาแรงจูงใจในการเปลี่ยนนิสัยให้ได้ เช่นเดียวกันกับการปรับตัวสู่พฤติกรรมที่เป็นเรื่องท้าทาย จง
กล้าที่จะทลายกำแพงเดิมๆ ให้ได้ แล้วหาทางออกด้วยวิธีการใหม่ๆที่ห่างไกลจากวิธีเดิมในทันที
5. อย่ากลัวเสียหน้า : หยุดพารานอยด์ อย่ากลัว และกล้าที่จะเสียหน้าเมื่อต้องทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับที่คุณ
เคยทำและเคยเป็น
6. สร้างมาตรฐานของคุณขึ้นมา : เมื่อเริ่มตระหนักได้ว่าการแก้ตัวมีโทษหนักเท่ากับการกล่าวอ้างหรือ
การพูดโกหก คุณอาจจะสร้างมาตรฐานของตัวเองขึ้นมาว่า ในช่วงแรกคุณสามารถหลุดออกนอกกรอบหรือ
นอกแถวได้ไม่เกิน 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ก่อนจะเข้าสู่ขั้น Advance ที่ไม่มีการแต่งเติมบทสนทนาและทำให้
เพื่อนร่วมงานรู้สึกอึดอัดใจกับคุณน้อยลง
7. ใช้สูตรการเล่นใหม่ ‘Speak, then shut up’ : เรียนรู้ที่จะกล่าวคำขอโทษโดยปราศจากข้อแก้ตัวพ่วง
ท้าย สิ่งที่คุณควรจะพูดออกมาคือคำขอโทษแค่เพียงอย่างเดียว แต่ถ้าอยู่ในสถานการณ์ที่คุณไม่ผิด คุณก็
สามารถที่จะถกเถียงด้วยเหตุผลโดยไม่จำเป็นต้องต่อความยาวสาวความยืดใดๆ
8. บำบัดกลุ่มด้วยการหากระจกสะท้อน : เราไม่ได้บังคับให้คุณเข้าคอร์สบำบัดอาการชอบแก้ตัวที่ไหน
เพราะถ้าจะพูดกันตามนิสัยของคนไทย ไม่มีใครอยากจะยอมให้คนแปลกหน้าเข้าหาจุดบกพร่องของตัวเอง
ในวงสนทนา แต่นี่เป็นวิธีการที่เรียกว่า ‘ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่’ โดยสิ่งที่คุณจะสามารถทำได้คือการสังเกต
พฤติกรรมของคนที่มีนิสัยคล้ายๆ กัน แล้วคุณจะพบว่าคุณคนเดิมในอดีตนั้นช่างไม่น่าคบเอาเสียเลย
9. ขอให้คนรอบข้างช่วย : เคยใช้วิธีนี้ไหมครับ ขอให้เพื่อนนัดเวลาคุณก่อนเพื่อนคนอื่นๆ สักประมาณ
ครึ่งชั่วโมง ในกรณีที่คุณมักจะมาสายและมาเป็นคนสุดท้ายเมื่อทุกคนรวมตัว เรื่องนิสัยแก้ตัวก็เหมือนกัน
คุณคงต้องขอให้เพื่อนหรือเพื่อนร่วมงานที่น่าไว้ใจช่วยกันจับตามองว่าคุณมีวิธีการเลือกที่จะใช้เหตุผลในการ
แก้ตัวอย่างไร เป็นเหตุเป็นผลไหม หรือโยนความผิดให้ใครไปบ้างในแต่ละวัน
10. เซ็นสัญญากับตัวเอง : พิมพ์หรือเขียนเป้าหมายคุณลงในกระดาษ กำหนดเดดไลน์ พร้อมทั้งลงวันที่ และเซ็นชื่อว่าคุณจะต้องทำให้ได้ โดยที่อาจจะมีเพื่อนสักคนมามาช่วยเซ็นรับรอง
ตามที่แต่ละคนค้นเจ้าสัญชาตญาณนี้จนเจอ คุณก็มักจะติด (addict) และใช้มันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน จนเรียกได้
ว่าเป็นนิสัย ต่อมาพอหนักข้อขึ้น ก็เกิดเป็นปัญหาค้างคาใจว่าทำไมถึงเลิกไม่ได้เสียที
คุณเป็นคนประเภทอ้างโน่นอ้างนี่เพื่อแก้ตัวหรือเปล่า...
ถ้าไม่ใช่จริงๆ ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าใช่แล้วยังแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ด้วยการชักแม่น้ำทั้งห้ามาช่วยเพื่อปัดปัญหาทั้งหมด
ให้คนอื่นรับรับช่วงไป เพื่อนร่วมงานคนไหนจะอยากทนอยู่กับคุณ
นี่คือ 10 ขั้นตอนไม้ตายที่จะทำให้นักปัดความรับผิดชอบกลายเป็นสุภาพบุรุษคนใหม่ ที่กล้าจะยกธงขาว
ค้างไว้ แล้วพูดว่า “โอเค ผมพลาดเอง”
1. สังเกตพฤติกรรมตัวเอง : ลองสังเกตดูว่า คุณปัดความผิดของคุณเองและโยนให้คนอื่นบ่อยแค่ไหน ยิ่ง
ถ้าคุณอยู่ในฐานะหัวหน้าหรือหัวเรือใหญ่คงไม่มีใครอยากทำงานกับเจ้านายที่ชอบโยนความผิดให้กับลูกน้อง
หรือเพื่อนร่วมงานแน่ๆ
2. กล้ารับความจริง : เหมือนกับการแก้ไขนิสัยอันไม่พึงประสงค์ทั่วไป ไม้ตายที่สองที่ควรงัดมาใช้ ก็คือ
การเปิดใจยอมรับความจริงว่าคุณเป็น ‘ผู้ใหญ่มีปัญหา’ อย่ามัวแต่วางเฉย ผัดวันประกันพรุ่ง หรือเอาแต่
ปล่อยให้เวลาคลี่คลายปัญหาทุกอย่างเอง
3. ยอมรับคำวิจารณ์เก่าๆ : นอกจากยอมรับความจริงแล้ว ใช่ครับ คุณต้องยอมรับคำวิพากษ์วิจารณ์ที่
ผ่านมาด้วย อย่างไรเสียก็อย่าปล่อยให้มันเข้ามาทำลาย Self-esteem หรือทำให้คุณสูญเสียความมั่นใจมาก
เกินไปจนกลายเป็นคนที่มีจิตใจไม่มั่นคง ถูกครอบงำได้ง่าย และสุดท้ายก็ไม่เป็นตัวของตัวเอง
4. ทลายกำแพงให้ได้ : ถ้าในยิมที่เราเล่นอยู่เดิมมีคนเล่นเยอะ แพง แถมที่จอดรถยังสุดแสนจะห่วย จงหา
ที่ใหม่และหาแรงจูงใจในการเปลี่ยนนิสัยให้ได้ เช่นเดียวกันกับการปรับตัวสู่พฤติกรรมที่เป็นเรื่องท้าทาย จง
กล้าที่จะทลายกำแพงเดิมๆ ให้ได้ แล้วหาทางออกด้วยวิธีการใหม่ๆที่ห่างไกลจากวิธีเดิมในทันที
5. อย่ากลัวเสียหน้า : หยุดพารานอยด์ อย่ากลัว และกล้าที่จะเสียหน้าเมื่อต้องทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับที่คุณ
เคยทำและเคยเป็น
6. สร้างมาตรฐานของคุณขึ้นมา : เมื่อเริ่มตระหนักได้ว่าการแก้ตัวมีโทษหนักเท่ากับการกล่าวอ้างหรือ
การพูดโกหก คุณอาจจะสร้างมาตรฐานของตัวเองขึ้นมาว่า ในช่วงแรกคุณสามารถหลุดออกนอกกรอบหรือ
นอกแถวได้ไม่เกิน 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ก่อนจะเข้าสู่ขั้น Advance ที่ไม่มีการแต่งเติมบทสนทนาและทำให้
เพื่อนร่วมงานรู้สึกอึดอัดใจกับคุณน้อยลง
7. ใช้สูตรการเล่นใหม่ ‘Speak, then shut up’ : เรียนรู้ที่จะกล่าวคำขอโทษโดยปราศจากข้อแก้ตัวพ่วง
ท้าย สิ่งที่คุณควรจะพูดออกมาคือคำขอโทษแค่เพียงอย่างเดียว แต่ถ้าอยู่ในสถานการณ์ที่คุณไม่ผิด คุณก็
สามารถที่จะถกเถียงด้วยเหตุผลโดยไม่จำเป็นต้องต่อความยาวสาวความยืดใดๆ
8. บำบัดกลุ่มด้วยการหากระจกสะท้อน : เราไม่ได้บังคับให้คุณเข้าคอร์สบำบัดอาการชอบแก้ตัวที่ไหน
เพราะถ้าจะพูดกันตามนิสัยของคนไทย ไม่มีใครอยากจะยอมให้คนแปลกหน้าเข้าหาจุดบกพร่องของตัวเอง
ในวงสนทนา แต่นี่เป็นวิธีการที่เรียกว่า ‘ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่’ โดยสิ่งที่คุณจะสามารถทำได้คือการสังเกต
พฤติกรรมของคนที่มีนิสัยคล้ายๆ กัน แล้วคุณจะพบว่าคุณคนเดิมในอดีตนั้นช่างไม่น่าคบเอาเสียเลย
9. ขอให้คนรอบข้างช่วย : เคยใช้วิธีนี้ไหมครับ ขอให้เพื่อนนัดเวลาคุณก่อนเพื่อนคนอื่นๆ สักประมาณ
ครึ่งชั่วโมง ในกรณีที่คุณมักจะมาสายและมาเป็นคนสุดท้ายเมื่อทุกคนรวมตัว เรื่องนิสัยแก้ตัวก็เหมือนกัน
คุณคงต้องขอให้เพื่อนหรือเพื่อนร่วมงานที่น่าไว้ใจช่วยกันจับตามองว่าคุณมีวิธีการเลือกที่จะใช้เหตุผลในการ
แก้ตัวอย่างไร เป็นเหตุเป็นผลไหม หรือโยนความผิดให้ใครไปบ้างในแต่ละวัน
10. เซ็นสัญญากับตัวเอง : พิมพ์หรือเขียนเป้าหมายคุณลงในกระดาษ กำหนดเดดไลน์ พร้อมทั้งลงวันที่ และเซ็นชื่อว่าคุณจะต้องทำให้ได้ โดยที่อาจจะมีเพื่อนสักคนมามาช่วยเซ็นรับรอง
วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2554
28 ข้อคิดในการใช้ชีวิต
28 ข้อคิดในการใช้ชีวิต เป็นข้อคิดที่เก็บไว้เมื่อนานมาแล้ว แต่เมื่อเอามาอ่านอีกทีก็พบว่ายังเป็นเรื่องที่ดีมากๆที่ควรแบ่งปันให้รับรู้โดยทั่วกัน ได้มาจากฟอเวิร์ดเมล์เมื่อนานมาแล้ว ลองอ่านกันดูนะ
1.อย่าทำลายความหวังของใคร เพราะทั้งชีวิตเขาอาจเหลืออยู่แค่นั้นก็ได้
2.เมื่อมีคนเล่าว่าเขามีส่วนร่วมในเหตุการณ์สำคัญ จง เป็นผู้ฟังที่ดีอย่าไปคุยทับ อย่าไปขัดคอ
3.จงตั้งใจฟังให้ดี โอกาสทองบางทีมันก็มาถึงแบบแว่วๆเท่านั้น
4.หยุดอ่านคำอธิบายสถานที่ทางประวัติศาสตร์ตามทางบ้างเพราะมีอะไรดีๆบางอย่างซ่อนอยู่
5.จะคิดทำการใดจงคิดการให้ใหญ่เข้าไว้ แต่ให้เติมความสนุกสนานลงไปด้วยเล็กน้อย
6.หัดทำสิ่งดีๆให้กับผู้อื่นจนเป็นนิสัยโดยไม่จำเป็นต้องให้เขารับรู้
7.จงจำไว้ว่า ข่าวทุกชนิดล้วนถูกบิดเบือนมาแล้วทั้งนั้น
8.เวลาเล่นเกมกับเด็กๆก็ปล่อยให้เด็กชนะไปเถอะ
9.ใครจะวิจารณ์เรายังงัยก็ตาม อย่าเสียเวลาไปโต้ตอบ แต่ให้ปรับปรุงตนเอง
10.จงให้โอกาสผู้อื่นเป็นครั้งที่ “สอง” แต่อย่าให้ถึง “สาม”
11.อย่าให้วิจารณ์นายจ้าง ถ้าทำงานไม่มีความสุขก็ลาออกดีกว่า
12.ทำตัวให้สบาย อย่าคิดมาก ถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายแล้วอะไรๆ มันก็ไม่สำคัญอย่างที่คิดไว้แต่แรกหรอก
13.ใช้เวลาให้น้อยๆในการคิดว่า”ใครผิด” แต่ใช้เวลาให้มากในการคิดว่า”อะไร” เป็นสิ่งที่ผิด
14.จงจำไว้ว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับ ” คนโหดร้าย ” แต่กำลังสู้กับ ” ความโหดร้าย ” ในตัวคน
15.โปรดคิด คิด คิด และคิดให้รอบคอบ ก่อนที่จะให้เพื่อนเรามีภาระในการเก็บรักษาความลับ
16.ยอมที่จะแพ้ในสงครามย่อยๆ เมื่อการแพ้นั้นจะทำให้เราชนะในสงครามใหญ่
17.เป็นคนถ่อมตน จำไว้ว่าคนอื่นทำอะไรต่อมิอะไรสำเร็จกันมามากมายก่อนเราเกิดเสียอีก
18.ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายสักเพียงใด จงสุขุมเยือกเย็นเข้าไว้
19.มีมารยาทและอดทนกับคนที่สูงวัยกว่าเสมอ
20.อย่าให้ปัญหาของเราทำให้คนอื่นต้องเบื่อหน่าย ถ้ามีใครมาถามว่า ” เป็นไง?” ตอบไปเลยว่า ” สบายมาก”
21.อย่าพูดว่าเรามีเวลาไม่พอ เพราะทุกคนในโลกก็มีเวลาวันละ 24 ชม.เท่ากัน
22.จงเป็นคนใจกล้าและเด็ดเดี่ยว เมื่อเหลียวไปดูอดีต เราจะเสียใจในสิ่งที่ควรทำแล้วไม่ได้ทำ มากกว่าเสียใจในสิ่งที่ทำไปแล้ว
23.ประเมินตนเองด้วยมาตรฐานตนเอง ไม่ใช่มาตรฐานคนอื่น
24.จริงจัง และเคี่ยวเข็ญต่อตนเองให้มาก แต่จงอ่อนโยนและผ่อนปรนต่อผู้อื่น
25.ให้ความนับถือแก่ทุกคนที่ทำงานเพื่อเลี้ยงชีพโดยสุจริต ไม่ว่างานนั้นจะดูแย่แค่ไหนในสายตาคนรอบข้าง
26.คำนึงถึงการมีชีวิตให้ ” กว้างขวาง ” มากกว่าการมีชีวิตเพื่อ ” ยืนยาว ”
27.(บางครั้ง) อย่าไปหวังเลยว่าในชีวิตนี้จะมีความยุติธรรม
28.ว่ากันว่ามี 3 สิ่งที่ไม่ควรถูกทำให้แตกหรือทำลาย ได้แก่ ของเล่นเด็ก คำสัญญาและจิตใจของใครๆ ก็ตาม
1.อย่าทำลายความหวังของใคร เพราะทั้งชีวิตเขาอาจเหลืออยู่แค่นั้นก็ได้
2.เมื่อมีคนเล่าว่าเขามีส่วนร่วมในเหตุการณ์สำคัญ จง เป็นผู้ฟังที่ดีอย่าไปคุยทับ อย่าไปขัดคอ
3.จงตั้งใจฟังให้ดี โอกาสทองบางทีมันก็มาถึงแบบแว่วๆเท่านั้น
4.หยุดอ่านคำอธิบายสถานที่ทางประวัติศาสตร์ตามทางบ้างเพราะมีอะไรดีๆบางอย่างซ่อนอยู่
5.จะคิดทำการใดจงคิดการให้ใหญ่เข้าไว้ แต่ให้เติมความสนุกสนานลงไปด้วยเล็กน้อย
6.หัดทำสิ่งดีๆให้กับผู้อื่นจนเป็นนิสัยโดยไม่จำเป็นต้องให้เขารับรู้
7.จงจำไว้ว่า ข่าวทุกชนิดล้วนถูกบิดเบือนมาแล้วทั้งนั้น
8.เวลาเล่นเกมกับเด็กๆก็ปล่อยให้เด็กชนะไปเถอะ
9.ใครจะวิจารณ์เรายังงัยก็ตาม อย่าเสียเวลาไปโต้ตอบ แต่ให้ปรับปรุงตนเอง
10.จงให้โอกาสผู้อื่นเป็นครั้งที่ “สอง” แต่อย่าให้ถึง “สาม”
11.อย่าให้วิจารณ์นายจ้าง ถ้าทำงานไม่มีความสุขก็ลาออกดีกว่า
12.ทำตัวให้สบาย อย่าคิดมาก ถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายแล้วอะไรๆ มันก็ไม่สำคัญอย่างที่คิดไว้แต่แรกหรอก
13.ใช้เวลาให้น้อยๆในการคิดว่า”ใครผิด” แต่ใช้เวลาให้มากในการคิดว่า”อะไร” เป็นสิ่งที่ผิด
14.จงจำไว้ว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับ ” คนโหดร้าย ” แต่กำลังสู้กับ ” ความโหดร้าย ” ในตัวคน
15.โปรดคิด คิด คิด และคิดให้รอบคอบ ก่อนที่จะให้เพื่อนเรามีภาระในการเก็บรักษาความลับ
16.ยอมที่จะแพ้ในสงครามย่อยๆ เมื่อการแพ้นั้นจะทำให้เราชนะในสงครามใหญ่
17.เป็นคนถ่อมตน จำไว้ว่าคนอื่นทำอะไรต่อมิอะไรสำเร็จกันมามากมายก่อนเราเกิดเสียอีก
18.ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายสักเพียงใด จงสุขุมเยือกเย็นเข้าไว้
19.มีมารยาทและอดทนกับคนที่สูงวัยกว่าเสมอ
20.อย่าให้ปัญหาของเราทำให้คนอื่นต้องเบื่อหน่าย ถ้ามีใครมาถามว่า ” เป็นไง?” ตอบไปเลยว่า ” สบายมาก”
21.อย่าพูดว่าเรามีเวลาไม่พอ เพราะทุกคนในโลกก็มีเวลาวันละ 24 ชม.เท่ากัน
22.จงเป็นคนใจกล้าและเด็ดเดี่ยว เมื่อเหลียวไปดูอดีต เราจะเสียใจในสิ่งที่ควรทำแล้วไม่ได้ทำ มากกว่าเสียใจในสิ่งที่ทำไปแล้ว
23.ประเมินตนเองด้วยมาตรฐานตนเอง ไม่ใช่มาตรฐานคนอื่น
24.จริงจัง และเคี่ยวเข็ญต่อตนเองให้มาก แต่จงอ่อนโยนและผ่อนปรนต่อผู้อื่น
25.ให้ความนับถือแก่ทุกคนที่ทำงานเพื่อเลี้ยงชีพโดยสุจริต ไม่ว่างานนั้นจะดูแย่แค่ไหนในสายตาคนรอบข้าง
26.คำนึงถึงการมีชีวิตให้ ” กว้างขวาง ” มากกว่าการมีชีวิตเพื่อ ” ยืนยาว ”
27.(บางครั้ง) อย่าไปหวังเลยว่าในชีวิตนี้จะมีความยุติธรรม
28.ว่ากันว่ามี 3 สิ่งที่ไม่ควรถูกทำให้แตกหรือทำลาย ได้แก่ ของเล่นเด็ก คำสัญญาและจิตใจของใครๆ ก็ตาม
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)